5 วิธีการทำ “ขาดทุน” ให้เป็น “กำไร”

5 วิธีการทำ “ขาดทุน” ให้เป็น “กำไร”

จะจัดการเรื่อง “ต้นทุน ค่าใช้จ่าย” ให้ต่ำได้อย่างไร เพื่อทำให้มี กำไรมากขึ้น

1.ทำบัญชีรายรับ รายจ่ายให้ชัดเจน

นี่คือเรื่องสำคัญครับ !! เราต้องรู้ก่อนว่า “ต้นทุน ค่าใช้จ่าย” ของเราแท้จริงเป็นเท่าไหร่ครับ หลีกเลี่ยงไม่ได้ครับ ทุกอย่างต้องมีการจดบันทึกให้ละเอียดที่สุด จะทำในรูปแบบสมุดรายรับ-รายจ่าย หรือบันทึกลงในคอมพิวเตอร์ อย่างไรก็แล้วแต่ครับ ต้องทำ ต้องมี

ถ้าหัวใจของธุรกิจคือ “สินค้า” แล้วละก็ “กุญแจสู่ความสำเร็จ” ในธุรกิจก็ต้องเป็นเรื่องของการจัดการ “ต้นทุน-ค่าใช้จ่าย” อย่างแน่นอนเลยทีเดียวครับ

2.แยก “ความต้องการ” ออกจาก “ความจำเป็น”

เมื่อเราจดบันทึกละเอียด ทำบัญชีที่รัดกุมจะทำให้เรามองเห็นถึง “รอยรั่ว” สิ่งของที่ไม่จำเป็นต้องซื้อ หรือราคาส่วนไหนมันปูดสูงจนเกินไป สามารถนำมาคัดแยกประเภทของรายจ่ายได้อย่างชัดเจน

ต้นทุนบางอย่างเป็นเรื่องของ “ความต้องการ” แต่ไม่มีความ “จำเป็น” ที่จะต้องใช้ในการดำเนินการธุรกิจ ก็กำจัด ปรับ ลด ให้มันเหมาะสมกับธุรกิจ ไม่อย่างนั้นแล้วตรงจุดนี้หละครับจะกลายเป็น “ต้นทุนพอกหางหมู” ที่จะทำให้ “ขาดทุน” ได้ในอนาคต

ต้นทุนจะต่ำได้เราต้องหา “ไขมัน” ส่วนเกินของธุรกิจ หรือ ค่าใช้จ่ายที่มันไม่จำเป็นต้อง “จ่าย” นะครับ แต่เถ้าแก่ใหม่ โดยส่วนใหญ่ เริ่มจาก “ไขมันส่วนเกิน”  จึงทำให้ธุรกิจ ขยับตัวได้ช้า โรคธุรกิจรุมเร้า เช่น เบาหวาน ความดัน หืดหอบ สุดท้ายก็ “เจ๊ง”   

3.โฟกัสที่ลูกค้าเราเท่านั้น

ต้นทุนเราจะต่ำอย่างมากหากเรา “โฟกัส” ที่ “ลูกค้า” ของเราจริง ๆ ทุกวันนี้ครับเป็นยุคของ “Niche Market” หรือตลาดจำเพาะ ยกตัวอย่างธุรกิจการแพทย์ เดี๋ยวนี้ก็มีโรงพยาบาล จำเพาะว่าโรงพยาบาลนี้รักษาโรคอะไรได้เป็นอันดับหนึ่ง

อย่างผมเองทำธุรกิจเครื่องสำอางก็พยายามที่จะเจาะตลาดเฉพาะกลุ่มเช่น ผมผลิตเครื่องสำอางยี่ห้อ “ดาวมหาลัย” คอนเซปต์ของยี่ห้อนี้คือ “ทุกคนก็สวยใส เป็นดาวมหาลัยได้” พวกเราเข้าใจใช่ไหมครับว่าผมโฟกัสลูกค้าของผมเป็นกลุ่มนักศึกษาในระดับมหาวิทยาลัย

ทำอย่างนี้จะทำให้เราเข้าถึงกลุ่ม “ลูกค้า” ที่เป็นผู้ซื้อตัวจริง ไม่เสียเวลา ไม่เสียเงิน ไม่เสียกำลังใจครับ ที่ว่ามาทั้งหมดมันคือ “ต้นทุน” ทั้งนั้นนะครับ….ยิ่งเราเยอะ ต้นทุนเรายิ่งสูง แต่ยิ่งเราน้อย เข้าถึงลูกค้าตัวจริงได้เลย ต้นทุนเรายิ่งต่ำ

4.ใช้สื่อให้ตรงประเภท ตรงเป้าหมาย

การโฆษณาประชาสัมพันธ์ต้องยิงให้ตรงจุด เล็งให้ตรงกับกลุ่มผู้ “รับสาร” การที่เราหว่านแห พยายามใช้ทุกสื่อโฆษณาไม่ว่าจะเป็นทั้งออนไลน์ ออฟไลน์ สื่อไม่ตรงกลุ่มลูกค้าแล้วละก็เงินทุนที่ลงไปก็ไม่ต่างอะไรกับ…กระดาษไร้ค่าที่ขยำทิ้งถังขยะ

สื่อออนไลน์ Digital Media เป็นสื่อที่ “ต้นทุนทางการเงินต่ำ”  แต่ต้องใช้ “ต้นทุนทางเวลา” สูงสักนิด ซึ่งนับวันเรื่องของออนไลน์จะยิ่งช่วยส่งเสริมให้เรา “ส่งสาร” ถึง “ผู้รับ” เราได้ตรงจุดตรงประเด็นมากยิ่งขึ้นนะครับ

สื่อออฟไลน์ แผ่นพับ โบร์ชัวร์ นิตยสาร บิลบอร์ด วิทยุ ทีวี เหล่านี้เป็นสื่อที่ “ต้นทุนเงินสูง” แต่ส่งสารถึงผู้รับได้ในวงกว้าง

เราต้องเลือกนะครับว่า จะบริหารสื่อ เลือกสื่อโฆษณาประชาสัมพันธ์แบบไหนที่ ลูกค้าเราอ่าน และ สนใจ ไม่อย่างนั้นอย่างที่บอกครับ !!! ตำน้ำพริกละลายแม่น้ำแน่นอน

5.ใช้ทรัพยากรที่มีให้คุ้มค่า

เครื่องไม้เครื่องมือ อุปกรณ์ที่เรามีอยู่ตอนนี้ใช้มันคุ้มค่า !! หรือยัง ? ผมอยากยกตัวอย่างเรื่องใกล้ตัวเพื่อให้เถ้าแก่ไปคิดต่อว่า สิ่งที่เรามีอยู่นี้ใช้มันคุ้มค่าหรือยัง

โทรศัพท์มือถือเดี๋ยวนี้ส่วนใหญ่จะเป็น Smart phone ราคาตั้งแต่หลักพันยันหลักหมื่น หลายคนซื้อ iphone สาวก apple ราคาหลายหมื่นเพื่อนำมาใช้งาน เล่นเกมส์ พูดคุย Facebook,Line ฯ รับสายโทรศัพท์บ้างเล็กน้อย พวกเราคิดว่ามันคุ้มค่าหรือยังหากเทียบการใช้งานเหมือน ๆ กับ smart phone ที่ราคาหลักพันแล้วใช้งานที่ว่ามาได้เหมือนกัน

เถ้าแก่ใหม่ทำธุรกิจต้องคำนึงถึง…ความคุ้มค่า ของทรัพยากรที่เรามีอยู่ในมืออยู่ให้มากนะครับ เคยเห็นหลายคนอยากออกกำลังกายซื้อลู่วิ่ง เครื่องออกกำลังกายราคาครึ่งแสน มาทำเป็นราวตากผ้าไหมครับ

แล้วธุรกิจเราหละครับ มีราวตากผ้าราคาครึ่งแสนอยู่หรือเปล่า ? ลองสำรวจครับ อะไรที่ซื้อมาแล้วยังใช้ไม่คุ้มค่า นำมาทำให้เกิดประโยชน์สูงสุด ยิ่งเราใช้ได้ “คุ้มค่า” จะยิ่งทำให้ “ต้นทุน” เราต่ำลงมากครับ และนั่นหมายถึง “กำไร” ที่เราได้รับมากยิ่งขึ้น

บทความโดย: https://taokaemai.com

 2206
ผู้เข้าชม
สร้างเว็บไซต์สำเร็จรูปฟรี ร้านค้าออนไลน์