ลงทุนกับ กองทุนตราสารหนี้ ไม่ยากอย่างที่คิด ตอนที่ 1

ลงทุนกับ กองทุนตราสารหนี้ ไม่ยากอย่างที่คิด ตอนที่ 1

 “หากท่านต้องการออมเงิน หรือลงทุนแบบเสี่ยงน้อย”

“หากท่านต้องการกระจายความเสี่ยงจากการลงทุนในหุ้น”

“หากท่านต้องการมีเงินไว้เลี้ยงเมียน้อยในยามเกษียณ” (กรณีนี้อาจจะตายก่อนที่จะเกษียณ)

ผมขอเสนอ..... “กองทุนตราสารหนี้”.....

         ผมเชื่อว่าพอพูดถึงกองทุนตราสารหนี้แล้ว น่าจะเป็นเรื่องที่หลาย ๆ คนไม่ค่อยถนัด หรือไม่ค่อยรู้เรื่อง

หรือแม้กระทั่งไม่รู้จักก็มี แต่ผู้อ่านรู้หรือไม่ว่า ? การลงทุนในกองตราสารหนี้นั้นมีประโยชน์มากมายมหาศาลเลยนะครับ

ดังนั้นวันนี้จะขอแนะนำให้ผู้อ่านได้รู้จักกับกองทุนตราสารหนี้กันนะครัชชช

ก่อนอื่นให้แยกคำก่อนนะครับ คือ กองทุน กับ ตราสารหนี้ (ถ้าเอามารวมกันมันจะดูยากทันที)

งั้นเรามารู้จักตราสารหนี้กันก่อนเลยนะครับ ในผู้อ่านลองนึกภาพนะครับว่า

ถ้าผมต้องการเปิดธุรกิจ หรือขยายกิจการ

แหล่งเงินทุนนั้นจะหาได้จากที่ไหน ?

แน่นอนว่าหลาย ๆ คนคงตอบว่าก็ที่ ธนาคาร ไง

 

จริง ๆ แล้วการกู้เงินธนาคารก็เป็นเรื่องที่ดีครับ แต่ดอกเบี้ยค่อนข้างจะแพง

ดังนั้น บริษัทต่าง ๆ ที่ดำเนินธุรกิจอยู่ก็อาจจะใช้วิธีการกู้เงินมาจากนักลงทุนโดยตรงแทนครับ

ซึ่งแน่นอนว่า นักลงทุนย่อมมีสิทธิ์เป็นเจ้าหนี้ของบริษัทครับ

ดังนั้นเราจึงเรียก ตราสารรับรองความเป็นเจ้าหนี้ที่ออกโดยบริษัท ฯ ที่มาขอกู้ว่า ตราสารหนี้ ไงครับ

ในทางกลับกัน ถ้าผู้กู้เป็นรัฐบาลละก็ จะเรียกว่า พันธบัตรรัฐบาล ครับ

 

ชื่อ ตราสารหนี้ อายุของตราสาร ผู้ออก
พันธบัตรรัฐบาล มากกว่า 1 ปี รัฐบาล
ตั๋วเงินคลัง น้อยกว่า 1 ปี รัฐบาล
หุ้นกู้ มากกว่า 1 ปี เอกชน
หุ้นกู้ระยะส้น น้อยกว่า 1 ปี เอกชน
ตั๋วเงิน น้อยกว่า 1 ปี เอกชน

 

จะเห็นได้ว่าแค่ชื่อเปลี่ยน อารมณ์ก็เปลี่ยน เพราะว่าถ้าเราเป็นเจ้าหนี้รัฐบาล

ซึ่งมีความมั่นคงสูงกว่าบริษัทแล้วละก็ ความเสี่ยงในการเบี้ยวหนี้ ก็จะมีต่ำกว่าครับ

แต่แน่นอนว่า ดอกเบี้ยที่เราจะได้รับมันก็ต้องน้อยกว่าด้วย เพราะถือว่านักลงทุนมีความเสี่ยงที่น้อยด้วย

ส่วนความเสี่ยงที่จะต้องเจอเวลาลงทุนกับ ตราสารหนี้ที่ออกโดยเอกชน นั้นดูได้ง่าย ๆ ครับ แค่มองมุมกลับ ปรับมุมมอง ลองจินตนาการว่ามีเพื่อนมายืมเงินเรา แทนที่จะคิดว่าเราเอาเงินไปลงทุน ผมเชื่อว่าหลาย ๆ ท่านคงจะมีคำถามกับเพื่อนที่มายืมเงินในรูปแบบใกล้เคียงกัน เช่น

นายเป็นใคร - เปรียบเทียบได้กับ ชื่อเสียงบริษัท ขนาดของบริษัท

เอาเงินเราไปทำอะไร- เปรียบเทียบได้กับประกอบธุรกิจอะไร

ทำแล้วดีจริงหรา - เปรียบเทียบได้กับ ธุรกิจนั้นดี หรือไม่ จะขาดทุนรึเปล่า

จะคืนเมื่อไหร่- เปรียบเทียบได้กับ จะคืนเมื่อไหร่ (....จะเขียนทำไม)

มีผู้ค้ำประกันไหมเนี้ย- เปรียบเทียบได้กับ ความสามารถในการชำระหนี้ (ตราสารหนี้ที่มีการค้ำประกันมีสิทธิ์ได้เงินคืนมากกว่า ไม่มีการค้ำประกัน)

เอาเงินเราไปซื้อของต่างประเทศป่ะ- เปรียบเทียบได้กับ มีความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยนรึเปล่า(ตราสารหนี้ที่มาจากต่างประเทศ)

 

จะเห็นได้ว่าเรายังไม่ได้พูดถึง ดอกเบี้ยหรือ ผลตอบแทนที่จะได้ด้วยซ้ำๆๆๆ (นึกภาพเสียงก้อง ๆ)

 

ซึ่งผมอยากให้ผู้อ่านคิดแบบนี้ทุกครั้ง ก่อนการลงทุนทุกรูปแบบ โดยดูความเสี่ยงก่อนที่จะดูผลตอบแทนที่จะได้นะครัชชช เพราะผมเป็นห่วงผู้อ่านมาก ๆ ครับ (ผู้เขียนน่ารักใช่ไหมล่ะ....)

 

พอเรารู้จักตราสารหนี้แล้ว ครั้งหน้าผมจะมาเล่าถึงรายละเอียดในกองทุนตราสารหนี้กันนะครัชชช----

 

บทความโดย: https://aommoney.com

 1029
ผู้เข้าชม
สร้างเว็บไซต์สำเร็จรูปฟรี ร้านค้าออนไลน์