เข้าใกล้โค้งสุดท้ายของการยื่นภาษีกันแล้ว สำหรับผู้ที่กำลังจะยื่นภาษี และกำลังหาว่าจะสามารถนำอะไรมาเป็นส่วนช่วยในการลดหย่อนภาษีได้บ้าง เพื่อแบ่งเบาภาระในการจ่ายภาษี ขอบอกเลยว่าจริงๆ แล้วเราสามารถซื้อกองทุน ซื้อประกันสุขภาพ หรือการทำประกันสังคม ก็สามารถนำมาลดหย่อนภาษีได้แล้ว ซึ่งแต่ละข้อจะมีรายละเอียดอย่างไรบ้าง
1. แค่มีรายได้ก็ลดหย่อนได้ 60,000 บาท
สำหรับข้อแรกนี้ ไม่ต้องทำอะไรเลยค่ะ เพียงแค่เข้าข่ายว่าเป็นผู้ที่มีรายได้ตามปกติ เราก็สามารถลดหย่อนภาษีได้เลย 60,000 บาท เพราะเขาถือว่าเงินก้อนนี้เป็นค่าเลี้ยงดูตัวเองในการใช้ชีวิตนั่นเองค่ะ
2. ค่าลดหย่อนสำหรับคู่สมรส 60,000 บาท
ในกรณีเป็นข้อที่ว่า คู่สมรสของเรา (จดทะเบียนถูกต้องตามกฎหมาย) ที่ไม่มีรายได้ ก็สามารถยื่นภาษีในข้อนี้ได้ และจะได้รับการลดหย่อนภาษีเพิ่มขึ้นอีก 60,000 บาทค่ะ
3. ค่าลดหย่อนบุตร 30,000 บาท
สำหรับผู้ที่มีบุตรแล้ว ไม่ว่าจะเป็นบุตรตามกฎหมาย หรือเป็นบุตรบุญธรรม ก็สามารถนำมาลดหย่อนได้คนละ 30,000 บาท แต่มีข้อแม้นิดนึงว่า ถ้าเป็นบุตรบุญธรรมจะใช้ได้ไม่เกิน 3 คน แต่ถ้าเป็นบุตรตามกฎหมายจะใช้กี่คนก็ได้นะคะ และมีเงื่อนไขว่า บุตรต้องอายุไม่เกิน 20 ปี แต่ถ้าอายุ 21-25 ปี ก็ต้องเรียนอยู่ในระดับการศึกษา ปวส.ขึ้นไปนะคะ และข้อสุดท้าย บุตรจะต้องมีรายได้ต่อปีไม่เกิน 30,000 บาทนะคะ
4. ค่าลดหย่อนกรณีฝากท้องและคลอด 60,000 บาท
ค่าลดหย่อนนี้จะใช้ได้ในผู้หญิง แต่มันจะมีกรณีที่ว่าผู้หญิงไม่มีรายได้ก็สามารถโอนสิทธิ์นี้ให้คู่สมรสของเราได้นะคะ แต่มีข้อแม้ว่าต้องมีการจดทะเบียนแบบถูกต้องตามกฎหมายแล้วเท่านั้นถึงจะใช้ได้ และหากจะใช้จะต้องจ่ายเป็นค่าฝากท้องและค่าคลอดบุตร โดยให้ใช้ได้สูงสุด 60,000 บาทค่ะ
5. ค่าลดหย่อนเลี้ยงดูพ่อแม่ คนละ 30,000 บาท
ข้อนี้ใช้ในกรณีที่พ่อแม่มีอายุ 60 ปีขึ้นไป (วัยเกษียณ) ไม่มีรายได้ หรือถ้าพ่อแม่คนไหนมีรายได้ จะต้องเป็นรายได้รวมทั้งปีไม่เกิน 30,000 บาทนะคะ สำหรับใครที่มีพี่น้องก็ต้องตกลงกันว่าใครจะเป็นคนรับสิทธิ์ตรงนี้ไป โดยให้คุณพ่อคุณแม่เซ็นเอกสารรับรองการหักลดหย่อนค่าอุปการะเลี้ยงดูบิดามารดา (ล.ย.03) เช่น มีบุตรสองคน คนโตอาจจะใช้สิทธิ์เลี้ยงดูแม่ ส่วนอีกคนใช้สิทธิ์เลี้ยงดูพ่อ
6. ค่าลดหย่อนเลี้ยงดูพ่อแม่คู่สมรส คนละ 30,000 บาท
สำหรับข้อนี้ เราจะสามารถใช้สิทธิ์นี้ได้ก็ต่อเมื่อ คู่สมรสของเราที่ถูกต้องตามกฎหมายนั้นไม่มีรายได้ ไม่มีงาน เราถึงจะใช้สิทธิ์ในการขอยื่นลดหย่อนเลี้ยงดูพ่อแม่ของคู่สมรสได้ค่ะ แต่ก็ต้องดูว่าคู่สมรสของเราเขามีพี่น้องหรือเปล่า และสิทธิ์นั้นจะยกให้ใครก็ต้องเซ็นเอกสารกำกับเหมือนกันค่ะ
7. ค่าลดหย่อนผู้พิการ หรือผู้ทุพพลภาพ คนละ 60,000 บาท
หากเป็นคนดูแลผู้พิการถูกต้องตามกฎหมาย หรือคนที่ทุพพลภาพที่มีใบรับรองแพทย์ ก็สามารถนำเอกสารมาเป็นส่วนลดหย่อนภาษีได้คนละ 60,000 บาทนะคะ และถ้าหากผู้พิการ หรือคนทุพพลภาพเป็นพ่อแม่ของเราเอง สามารถใช้สิทธิ์ตรงนี้และสิทธิ์ลดหย่อนเลี้ยงดูพ่อแม่ได้ค่ะ
8. ค่าลดหย่อนกู้ซื้อบ้าน ไม่เกิน 100,000 บาท
ผู้ที่กำลังผ่อนบ้านอยู่ ไม่ว่าจะเป็นคอนโด หรือบ้าน ที่เป็นการผ่อนเพื่อการอยู่อาศัย ก็สามารถนำจำนวนเงินที่ผ่อนมาลดหย่อนภาษีได้นะคะ หากเป็นการกู้ร่วม 2 คน ก็ให้เอาจำนวนเงินนี้มาหาร 2 นั่นคือ ต่อคนจะใช้สิทธิ์นี้ได้คนละ 50,000 บาทนั่นเองค่ะ
9. เบี้ยประกันชีวิต หรือเงินฝากแบบที่มีประกันชีวิต ไม่เกิน 100,000 บาท
เงื่อนไขข้อนี้ก็คือเป็นเบี้ยประกันชีวิตที่มีการคุ้มครองตั้งแต่ 10 ปีขึ้นไปนะคะ และต้องทำกับบริษัทประกันชีวิตที่ไทยเท่านั้น จะได้ลดหย่อนที่เราจ่ายไปตามจริงสูงสุดไม่เกิน 100,000 บาทค่ะ สำหรับใครที่สงสัยเรื่องประกันชีวิตที่ตัวเองซื้อไปก็สามารถถามกับตัวแทนจำหน่ายประกันชีวิตที่เราซื้อได้เลย จะถามว่าเบี้ยประกันชีวิตที่ซื้อไปสามารถลดหย่อนภาษีได้เท่าไรก็ได้นะคะ อย่าลืมสอบถามให้มั่นใจก่อนจะซื้อประกันด้วยนะคะ
10. เบี้ยประกันสุขภาพ ไม่เกิน 15,000 บาท
เบี้ยประกันสุขภาพจะแยกกับเบี้ยประกันชีวิต สำหรับเบี้ยประกันสุขภาพนั้นจะใช้ได้ไม่เกิน 15,000 บาท แต่หากสาวๆ มีทำทั้งสองอย่าง ก็ให้นำสองอย่างนี้มาคิดรวมกันและต้องไม่เกิน 100,000 บาทค่ะ สำหรับเบี้ยประกันสุขภาพจะครอบคลุมตั้งแต่การรักษาพยาบาลจากการป่วย บาดเจ็บ ชดเชยทุพพลภาพ ประกันอุบัติเหตุ ประกันโรคร้ายแรง และการประกันภัยการดูแลระยะยาวค่ะ
11. เบี้ยประกันสุขภาพพ่อแม่ ไม่เกิน 15,000 บาท
จะเป็นการที่เราจ่ายเบี้ยประกันสุขภาพให้พ่อแม่ของเราเท่านั้น และหลักเกณฑ์ก็คล้ายๆ กับเบี้ยประกันสุขภาพค่ะ และได้ไม่เกิน 15,000 บาทเหมือนกัน ซึ่งจะมีข้อแม้ว่า พ่อแม่จะต้องมีรายได้ไม่เกิน 30,000 บาทนะคะ
12. กองทุนรวมเพื่อการเลี้ยงชีพ (RMF)
สำหรับใครที่คิดจะซื้อกองทุนเพื่อการเลี้ยงชีพ หรือ RMF อาจจะต้องศึกษาข้อมูลให้ดีก่อน เพราะนอกจากมันจะมีหลายประเภทด้วยกันแล้ว ยังสามารถนำมาลดหย่อนภาษีได้ 30% ซึ่งจะไม่เกิน 500,000 บาท และมีเงื่อนไขคือ ต้องซื้อติดต่อกันทุกปี และต้องซื้อมาแล้วไม่ต่ำกว่า 5 ปี และสำหรับกองทุนตัวนี้ต้องรอให้อายุครบ 55 ปีก่อนถึงจะถอนออกมาได้ค่ะ
13. เงินประกันสังคม
สำหรับข้อนี้ง่ายมากเลยค่ะ เพียงแค่จ่ายเงินค่าประกันสังคมทุกเดือนก็สามารถนำเงินที่จ่ายมาใช้ในการลดหย่อนได้แล้ว แต่จะสามารถใช้ได้ไม่เกิน 9,000 บาทนะคะ
ทิ้งท้ายสำหรับการยื่นภาษี ฝากไว้ว่า สำหรับค่าลดหย่อนในกลุ่มประกันชีวิต ประกันทั้งหมดจะต้องมีจำนวนยอดทั้งหมดรวมแล้วไม่เกิน 500,000 บาทนะคะ ดังนั้นก่อนจะทำประกันหรือลงทุนในกองทุนอะไร อย่าลืมคำนวณเงินในส่วนนี้กันด้วยนะคะ เพื่อเป็นประโยชน์ให้กับตัวเองในอนาคตค่ะ
