หนทางนำธุรกิจสู่ความสำเร็จ จากแรงบันดาลใจ 5 คนดัง

หนทางนำธุรกิจสู่ความสำเร็จ จากแรงบันดาลใจ 5 คนดัง

     บทความนี้รวมแรงบันใจจากเหล่าคนดังที่ใช้ช่วงจุดต่ำสุดของชีวิต ปรับเปลี่ยนเป็นแรงผลักดันให้ประสบความสำเร็จในชีวิต

  • วอลท์ ดิสนีย์

     วอลท์ ดิสนีย์ (Walt Disney) ต้องเผชิญความล้มเหลวในชีวิต เริ่มต้นจากที่เขาถูกไล่ออกจากวารสาร Kansas City Star เพราะ “ถูกมองว่ายังขาดจินตนาการและไม่ค่อยมีไอเดียดีๆเอาซะเลย” แต่วอล์ตไม่ยอมแพ้ ลุกขึ้นสู้จนกระทั่งสามารถก่อตั้งบริษัท Disney Brothers Studio ในปี 1923 โดยได้ร่วมมือกับพี่ชายของเขา Roy Oliver Disney ได้เปลี่ยนชื่อมาเป็น “The Walt Disney Studios”

     ความสำเร็จแบบ Walt Disney

     เริ่มต้นจากการสร้างธุรกิจจากความถนัด มีวิสัยทัศน์แบบผู้นำ วอล์ตเป็นผู้ที่หลงไหลในการวาดภาพมาตั้งแต่ 7 ขวบ และได้ตั้งเป้าหมายชีวิตไว้ว่าจะเอาดีทางด้านงานศิลปะ โดยวอล์ตเลือกกลุ่มลูกค้าที่เป็นเป้าหมาย เพราะลูกค้าคือผู้ที่ทำให้ธุรกิจเติบโต สำหรับ Walt Disney มีความสามารถในการจับกลุ่มลูกค้าได้ตรงตามความต้องการของธุรกิจ โดยเป้าหมายแรกเน้นที่กลุ่มเด็ก และพยายามสร้างความสัมพันธ์กับกลุ่มลูกค้าให้ได้หลายช่วงวัย ด้วยคอนเทนต์รูปแบบต่างๆเพื่อตอบสนองความต้องการของลูกค้า ไม่เพียงแต่ทาง Social Network เท่านั้นแต่ซื้อสินค้าได้จาก Shop ทั่วโลก
     ในการทำธุรกิจ ควรต้องเรียนรู้อยู่ตลอดเวลา วอล์ตเรียนรู้สิ่งใหม่ๆ ได้จากหนังสือต่างๆ ซึ่งทำให้เกิดการสร้างสรรค์และจินตนาการใหม่ได้ง่ายขึ้น จนทำให้มองเห็นแนวทางในการดำเนินธุรกิจให้ประสบผลสำเร็จ และจงเป็นผู้ที่ปรับตัวให้เข้ากับทุกสถานการณ์ พัฒนาปรับปรุงแนวทางการดำเนินธุรกิจ หาข้อผิดพลาดและแนวทางที่จะเอาชนะอุปสรรคต่างๆ จนนำมาซึ่งความสำเร็จ โดยต้องมีความเชื่อมั่นว่าสิ่งที่คิดหรือฝันไว้สามารถเกิดขึ้นได้และลงมือทำอย่างจริงจัง

  • แฮร์ริสัน ฟอร์ด

     เขาคือหนึ่งในนักแสดงที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในยุคปัจจุบัน แฮร์ริสัน ฟอร์ด ย้อนกลับไปเมื่ออดีต เขาได้เซ็นสัญญาเพื่อเป็นนักแสดงกับ Columbia Pictures ได้รับงานเป็นนักแสดงตัวประกอบที่ไม่มีบทพูด ได้รับค่าจ้างตอบแทนเพียงสัปดาห์ละ 150 เหรียญเท่านั้นเอง เขาท้อแท้กับอาชีพนักแสดงจนกระทั่ง ตัดสินใจผันเปลี่ยนชีวิตไปทำอาชีพช่างไม้ เริ่มจากการซ่อมบ้านตัวเองก่อน จนค่อยๆพัฒนาฝีมือถึงขั้นประกอบอาชีพได้ ซึ่งอาชีพช่างไม้นี่แหละที่ทำให้เขาได้รับโอกาสดีๆในชีวิต จากผู้กำกับหนัง The Godfather อย่าง ฟรานซิส ฟอร์ด คอปโปลา ที่ในช่วงนั้นกำลังมีแพลนต่อเติมออฟฟิศ เลยว่าจ้างให้แฮร์ริสัน ฟอร์ด รับงานนี้ จนทำให้ แฮร์ริสัน ฟอร์ด ได้รับบทเล็กๆในหนังของคอปโปลา และเดินทางเข้าสู้เส้นทางนักแสดงอย่างเต็มตัวที่โด่งดัง ได้รับเงินค่าจ้างสูงถึง 30 ล้านเหรียญ จากเรื่อง Star Wars นั่นเอง แต่ถึงอย่างไรนั้น แฮร์ริสัน ฟอร์ด ก็ไม่เคยลืมอาชีพที่ทำให้ตัวเองประสบความสำเร็จ อย่างอาชีพช่างไม้ โดยปัจจุบันเขายังคงทำงานไม้เป็นงานอดิเรกอยู่เสมอ

  • ซิลเวสเตอร์ สตอลโลน

     “ผมว่านักแสดงที่เจ๋งจริง เขาวัดกันจากบาดแผลครับ” คติประจำใจที่ซิลเวสเตอร์ สตอลโลน ใช้เป็นแรงผลักดันในการสวมบทบาทตัวละครในการแสดง แต่กว่าสตอลโลนจะก้าวมาเป็นนักแสดงระดับโลด มีชื่อเสียงขนาดนี้ได้นั้น จุดเริ่มต้นของเขานั้นกลับเต็มไปด้วยบาดแผลและอุปสรรคต่างๆ ย้อนกลับไปเมื่ออดีตของสตอลโลน ผลพวงมาจากภาวะแทรกซ้อน แจ็กกี้ สตอลโลน แม่ของเขา ทำให้ระหว่างคลอด สูติแพทย์ต้องใช้คีมสองคู่ช่วยในการทำคลอดเขา ซึ่งทำให้เส้นประสาทบางส่วนได้รับความเสียหาย ส่งผลให้ใบหน้ารวมถึงริมฝีปากและลิ้นบางส่วนมีความผิดปกติ ดังที่เราได้เห็นจากวิธีการพูดของเขา แต่ถึงอย่างนั้นด้วยบุคลิกนี้ทำให้กลายเป็นเอกลักษณ์ที่มีเสน่ห์ของซิลเวสเตอร์ สตอลโลนไปโดยปริยาย
     ช่วงหนึ่งของชีวิต สตอลโลน ได้มีสุดต่ำสุดของช่วงชีวิต เส้นทางอาชีพนักแสดงของเขาดูเหมือนจะไม่ได้โรยด้วยกลีบกุหลาบสักเท่าไหร่ เขาต้องไปอาศัยหลับนอนอยู่ในสถานีขนส่งท่าเรือในนิวยอร์กซิตีถึง 3 สัปดาห์ ความขัดสนผลักดันให้เขาทำอะไรที่บ้าบิ่นหลายอย่าง แต่แล้วชีวิตของดาราตกอับก็เริ่มไปสู่ลู่ทางที่ดีขึ้นเมื่อเขาได้ดูแมตช์การชกระหว่าง มูฮัมหมัด อาลี ชกกับ ชัก เว็บเนอร์ ในปี 1975 และได้เห็นช็อตที่อาลีสามารถเอาชนะน็อกเว็บเนอร์ได้สำเร็จ การชกนัดนั้นสร้างแรงกระตุ้นและแรงบันดาลใจให้เขาเป็นอย่างมาก ความสำเร็จนั้นสร้างชื่อให้เขาเป็นอย่างมากทั้งในฐานะดาราหน้าใหม่ขวัญใจมหาชน ก่อนที่จะกลายเป็นใบเบิกทางสำหรับหนังบู๊ล้างผลาญฟอร์มยักษ์นามว่า Rambo

  • เจ.เค.โรว์ลิง

     หลายคนคงรู้จักหนังสือเรื่อง แฮร์รี่ พอตเตอร์ ซึ่งเป็นซีรีส์หนังสือที่มีชื่อเสียงเป็นอย่างมาก ซึ่งนักเขียนที่แต่งหนังสือเรื่องนี้ขึ้นมาก็คือ เจ.เค.โรว์ลิง นั่นเอง แต่ใครจะรู้ว่าก่อนที่ เจ.เค.โรว์ลิง จะประสบความสำเร็จจนมีชื่อเสียงเป็นที่รู้จักระดับโลกนั้น เธอเคยมีตุดที่แย่ที่สุดในชีวิต เจ.เค.โรว์ลิง ในวัยเด็กเธอชอบอ่าน และเขียนเรื่องราวนวนิยายแฟนตาซีเสมอ หลังจากเรียนจบในระดับมหาวิทยาลัย โรว์ลิงได้เริ่มทำงานในลอนดอนก่อนที่จะย้ายไปทำงานที่เมืองแมนเชสเตอร์
     ในปี 1990 ระหว่างที่เธออยู่บนรถไฟขบวนจากแมนเชสเตอร์ไปลอนดอนซึ่งล่าช้าไปกว่า 4 ชั่วโมง เธอจึงใช้เวลานั้นนั่งคิดเรื่องที่จะเขียนนวนิยายอยู่ เธอเกิดไอเดียเมื่อกลับถึงที่พักเธอจึงเริ่มลงมือเขียนนิยายแฮร์รี่ พอตเตอร์ ทันที
ชีวิตเธอต้องพบกับอุปสรรคทั้งชีวิตครอบครัวและชีวิตคู่ เธอจำเป็นต้องพาลูกสาวซึ่ง ณ ขณะนั้นยังเป็นทารกออกจากบ้านสามี กลับมาที่ประเทศอังกฤษและต่อมาก็ย้ายไปอยู่สกอตแลนด์ในปี 1993 เธอกล่าวว่าในช่วงนั้น รู้สึกแย่มากจากชีวิตคู่ที่ล้มเหลว ไม่มีงานเป็นหลักแหล่ง และมีลูกอีกหนึ่งคนที่ต้องดูแล ซึ่งต่อมาเธอบอกว่าตัวเองเป็นโรคซึมเศร้า จนถึงเคยคิดที่จะฆ่าตัวตาย โรว์ลิงจึงตัดสินใจเขียนต้นฉบับของแฮร์รี่ พอตเตอร์ เล่มแรกเสร็จด้วยเครื่องพิมพ์ดีดรุ่นเก่าๆ ตัวหนึ่ง เธอนำไปเสนอให้สำนักพิมพ์จำนวน 12 แห่ง แต่ถูกปฏิเสธทุกแห่ง แต่เธอไม่ย่อท้อและกลับไปเสนอให้สำนักพิมพ์อีกแห่งที่ชื่อว่าบลูมบิวส์รี จนครั้งนี้ประสบความเสร็จ ต้นฉบับถูกตีพิมพ์เป็นนวนิยายแฟนตาซีแฮร์รี่ พอตเตอร์ ที่มีชื่อเสียงโด่งดังไปทั่วโลก

  • Jim Carrey

     ดาราตลกซูเปอร์สตาร์ ที่ชีวิตก่อนเดินเข้าสู่เส้นทางอาชีพนักแสดง ที่ไม่ได้ตลกเหมือนบทบาทที่ได้รับ จุดเริ่มต้นชีวิตวันเด็กของเขานั้น ต้องอาศัยอยู่กับพ่อที่ตกงาน ไม่มีเงิน ไม่มีอาหาร ไม่มีแม้แต่บ้านที่จะอยู่อาศัย ต้องไปขออาศัยนอนบนรถตู้ในสนามหญ้าของญาติเพราะไม่มีเงินจ่ายค่าเช่า ซึ่งพ่อของเขาต้องไปทำงานเป็นภารโรงและยามรักษาความปลอดภัย เพื่อหาเงินเล็กๆ น้อยๆ มาประทังชีวิตของ Jim Carrey เอาไว้ ซึ่งแน่นอนว่า เขาเองก็ต้องไปทำงานเข้ากะวันละ 8 ชั่วโมงหลังเลิกเรียนตั้งแต่เด็ก เพื่อแบ่งเบาภาระค่าใช้จ่าย
     Jim Carrey ค้นพบโลกที่ตัวเองตามหา โดยการเปิดตัวขึ้นโชว์ที่ไนต์คลับในเมืองโตรอนโตครั้งแรก Jim Carrey ฉายแววตลกออกมาอย่างเป็นธรรมชาติมาก ส่งผลให้คนดูประทับใจในฝีมือการเล่นตลกของเขา Jim Carrey จึงตัดสินใจลาออกจากโรงเรียนเพื่อมาเอาดีด้านนี้อย่างเต็มตัว
     Jim Carrey หยิบเช็คขึ้นมาเขียนเป็นเงิน 10 ล้านเหรียญ เป็นค่าตัวนักแสดง และระบุวันที่ลงไปว่า เขาจะเป็นคนได้รับเช็คนี้ในวันขอบคุณพระเจ้าปี 1995 ซึ่งก็คืออีก 10 ปีข้างหน้านั่นเอง ซึ่งเขาเก็บเช็คนี้ไว้กับตัวอยู่ตลอดเวลาเพื่อให้มันเป็นแรงผลักดันในการทำตามความฝันให้สำเร็จ และในวันขอบคุณพระเจ้าในปี 1995 Jim Carrey ก็ได้รับโทรศัพท์จากผู้กำกับภาพยนตร์ชื่อดังที่จะว่าจ้างเขาให้ไปแสดงหนังเรื่อง Dumb and Dumber โดยมีค่าตัวอยู่ที่ 10 ล้านเหรียญ เหมือนอย่างที่ตั้งใจไว้ใน 10 ปีที่แล้วนั่นเอง

     จะเห็นได้ว่าจากเรื่องราวเส้นทางชีวิตของเหล่าคนดังทั้ง 5 นั้น เริ่มต้นจากจุดที่ต่ำสุดของชีวิตที่มีความแตกต่างกันออกไป กว่าที่จะได้รับความประสบความสำเร็จในชีวิตได้นั้น ทุกคนต่างต้องเผชิญกับอุปสรรคที่ต่างกันออกไป แต่มีสิ่งหนึ่งที่พวกเขามีเหมือนกันนั่นก็คือ ความพยายามในการต่อสู้กับอุปสรรคต่างๆอย่างไม่ย่อท้อ ดั่งเช่นในการประกอบธุรกิจใดๆ ต่างก็ต้องมีอุปสรรค บางรายอาจต้องเผชิญจนถึงจุดต่ำสุดของธุรกิจเลยก็ว่าได้ แต่เชื่อว่าหลายคน "ไม่จำเป็นต้องมีต้นทุนที่สูง ขอแค่มีความหวังและความพยายามอดทนมากพอ เชื่อว่ารางวัลตอบแทนที่ได้นั้นมักจะคุ้มค่าเสมอ"

รวมบทความบัญชีมากถึง 1,000 : https://www.myaccount-cloud.com/Article/List/16128

 1449
ผู้เข้าชม
สร้างเว็บไซต์สำเร็จรูปฟรี ร้านค้าออนไลน์